Sunday, November 30, 2008

คมดาบใต้สังฆาฏิ



ภิกษุทั้งหลาย มหาชนรู้จักเธอทั้งหลายว่า ‘สมณะ สมณะ’ ดังนี้ ก็เธอทั้งหลายเมื่อเขาถามว่า ‘ท่านทั้งหลายเป็นอะไร’ ก็ประกาศตนว่า ‘เราเป็นสมณะ’ เมื่อเธอทั้งหลายมีชื่อว่า ‘สมณะ’ และปฏิญญาว่า ‘เป็นสมณะ’ ก็ควรสำเหนียกว่า “ข้อปฏิบัติอันใดเป็นข้อปฏิบัติสมควรแก่สมณะ เราจักปฏิบัติ ตามข้อปฏิบัติอันนั้น เมื่อปฏิบัติอยู่อย่างนี้ คำปฏิญญาว่า ‘เป็นสมณะ’ ของเรา ก็จักเป็นความจริงแท้ ใช่แต่เท่านั้น เราบริโภคใช้สอย จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัชบริขารของทายกเหล่าใด ทานของทายกเหล่านั้น ก็จักมีผลมาก มีอานิสงส์มากเพราะเราทั้งหลาย และการบรรพชาของเราเอง ก็จักไม่เป็นหมันเปล่า แต่จักมีผลมีกำไร ...



ส่วนภิกษุผู้ไม่ปฏิบัติตามข้อปฏิบัติที่สมควรแก่สมณะ...ยังละกิเลสซึ่งเป็นมลทินของสมณะไม่ได้ ... ก็เปรียบเหมือนอาวุธอันคมกล้า มีคมสองข้าง ที่ชุบและลับไว้อย่างดีแล้ว สอดไว้ในฝัก คือผ้าสังฆาฏิของภิกษุนั้นเอง ฉันใด ภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวการบรรพชาของภิกษุนี้ว่า เปรียบได้กับอาวุธมีคม สองข้างนั้น ฉันนั้น ภิกษุทั้งหลาย เราไม่กล่าวว่า ความเป็นสมณะมีได้เพราะเหตุสักว่าการทรงสังฆาฏิ...
จูฬอัสสปุรสูตร, ม.มู.๑๒/๔๓๕/๔๖๔.


No comments: