Monday, March 30, 2009

หมอนไม้พิฆาตกิเลส

ภิกษุทั้งหลาย ในบัดนี้ ยังใช้หมอนไม้หนุนศีรษะและเท้า เป็นอยู่อย่าง ไม่ประมาท มีความเพียรเผากิเลส มารผู้ใจบาปจึงยังไม่ได้ช่อง ไม่ได้โอกาสทำลายภิกษุนั้นตามอำเภอใจ

แต่ในอนาคต ภิกษุทั้งหลายจักทำตนเป็นสุขุมาลชาติ มีฝ่ามือและฝ่าเท้าอ่อนนิ่ม นอนบนที่นอนมีหมอนหนาอ่อนนุ่ม จนกระทั่งพระอาทิตย์ขึ้น คราวนั้นเอง มารผู้ใจบาป ก็จักได้ช่อง ได้โอกาสทำลายภิกษุเหล่านั้นได้ตามอำเภอใจ

ภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้น เธอทั้งหลายพึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า “เราทั้งหลาย จักใช้หมอนไม้หนุนศีรษะและเท้า เป็นอยู่อย่างไม่ประมาท มีความเพียรเผากิเลส” เธอทั้งหลายพึงสำเหนียกไว้อย่างนี้แล

กลิงครสูตร, สํ.นิ.๑๖/๒๓๐/๓๑๘.

โทษของการติดที่อยู่

ภิกษุทั้งหลาย การอยู่ประจำที่นาน มีโทษ ๕ ประการ คือ

[๑] ภิกษุติดที่อยู่ ย่อมมีสิ่งของมาก เป็นผู้ชอบสะสมสิ่งของไว้มาก
[๒] ภิกษุติดที่อยู่ ย่อมมีเภสัชมาก เป็นผู้ชอบสะสมเภสัชไว้มาก
[๓] ภิกษุติดที่อยู่ ย่อมมีกิจมาก มีการงานที่จะต้องทำมาก ไม่ฉลาด ในกิจที่สมณะต้องทำ
[๔] ภิกษุติดที่อยู่ ย่อมคลุกคลีกับคฤหัสถ์และบรรพชิตด้วยการคลุกคลีกันอย่างคฤหัสถ์ซึ่งไม่สมควรแก่บรรพชิต
[๕] ภิกษุติดที่อยู่ เมื่อจะจากอาวาสนั้นไป ย่อมจากไปด้วยจิตที่ห่วงใย

ภิกษุทั้งหลาย โทษในการอยู่ประจำที่นาน มี ๕ ประการนี้แล

อตินิวาสสูตร, องฺ.ปญฺจก.๒๒/๒๒๓/๓๖๕.

Wednesday, March 25, 2009

ภิกษุผู้ยังติดสบาย

ในอนาคต ภิกษุทั้งหลายจักเป็นผู้ชอบเสนาสนะที่นอนนั่งสบาย เมื่อชอบเสนาสนะดีงาม ก็จักละความเป็นผู้ถือการอยู่ป่าเป็นวัตร จักละเสนาสนะอันสงัดคือป่าโปร่งและป่าทึบ จักประชุมกันอยู่ที่หมู่บ้าน นิคมและเมืองหลวง แสวงหาเสนาสนะที่นอนนั่งสบายและจักถึงการแสวงหาไม่สมควร อันไม่เหมาะสมต่างๆ เพราะเหตุแห่งเสนาสนะ

ภิกษุทั้งหลาย ภัยในอนาคต ซึ่งยังไม่บังเกิดในบัดนี้ แต่จักบังเกิดในกาลต่อไป เธอทั้งหลายพึงรู้ไว้เฉพาะ ครั้นแล้วพึงพยายามเพื่อละภัยนั้นเสีย

จตุตถอนาคตภยสูตร, องฺ.ปญฺจก.๒๒/๘๐/๑๔๗.

ภิกษุผู้ยังติดในรส

ในอนาคต ภิกษุทั้งหลายจักเป็นผู้ชอบบิณฑบาตที่มีรสอร่อย เมื่อชอบบิณฑบาตที่มีรสอร่อย ก็จักละความเป็นผู้เที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร จักละเสนาสนะอันสงัดคือป่าโปร่งและป่าทึบ จักประชุมกันอยู่ที่หมู่บ้าน นิคมและเมืองหลวง แสวงหาบิณฑบาตที่มีรสเลิศอร่อยและจักถึงการแสวงหาไม่สมควร อันไม่เหมาะสมต่าง ๆ เพราะเหตุแห่งบิณฑบาต

ภิกษุทั้งหลาย ภัยในอนาคต ซึ่งยังไม่บังเกิดในบัดนี้ แต่จักบังเกิดในกาลต่อไป เธอทั้งหลายพึงรู้ไว้เฉพาะ ครั้นแล้วพึงพยายามเพื่อละภัยนั้นเสีย

จตุตถอนาคตภยสูตร, องฺ.ปญฺจก.๒๒/๘๐/๑๔๗.

Friday, March 20, 2009

ภิกษุผู้ยังติดในจีวร

ในอนาคต ภิกษุทั้งหลายจักเป็นผู้ชอบจีวรสวยงาม เมื่อชอบจีวร สวยงาม ก็จักละความเป็นผู้ทรงผ้าบังสุกุลเป็นวัตร จักละเสนาสนะอันสงัด คือป่าโปร่งและป่าทึบ จักประชุมกันอยู่ที่หมู่บ้าน นิคมและเมืองหลวง และจักถึงการแสวงหาไม่สมควร อันไม่เหมาะสมต่างๆ เพราะเหตุแห่งจีวร

ภิกษุทั้งหลาย ภัยในอนาคต ซึ่งยังไม่บังเกิดในบัดนี้ แต่จักบังเกิดในกาลต่อไป เธอทั้งหลายพึงรู้ไว้เฉพาะ ครั้นแล้วพึงพยายามเพื่อละภัยนั้นเสีย

จตุตถอนาคตภยสูตร, องฺ.ปญฺจก.๒๒/๘๐/๑๔๗.

Sunday, March 15, 2009

กุฏิวิหารที่ลุกเป็นไฟ

“ภิกษุทั้งหลาย เธอจักตัดสินความเรื่องนี้อย่างไร ระหว่างการที่บุรุษ ผู้มีกำลังจับคนชูเท้าขึ้น ห้อยศีรษะลงแล้วโยนลงในหม้อเหล็กร้อนที่เผาไฟ ลุกโชนโชติช่วง เขาถูกไฟลวกเดือดโผล่ขึ้นเป็นฟองในหม้อเหล็กร้อนนั้น บางครั้งก็ลอยขึ้น บางครั้งก็จมลง บางครั้งก็ลอยขวาง กับการใช้สอยกุฏิวิหารที่เขาถวายด้วยศรัทธา อย่างไหนจะประเสริฐกว่ากัน”

“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ การใช้สอยกุฏิวิหารที่เขาถวายด้วยศรัทธา นั่นแหละประเสริฐกว่า เพราะการที่บุรุษผู้มีกำลังจับคนชูเท้าขึ้น ห้อยศีรษะ ลงแล้วโยนลงในหม้อเหล็กร้อนที่เผาไฟลุกโชนโชติช่วง เขาถูกไฟลวกเดือด โผล่ขึ้นเป็นฟองในหม้อเหล็กร้อนนั้น บางครั้งก็ลอยขึ้น บางครั้งก็จมลง บางครั้งก็ลอยขวาง นั่นเป็นความทุกข์ ทนได้ยาก พระพุทธเจ้าข้า”

“ภิกษุทั้งหลาย เราขอเตือนพวกเธอ การที่บุคคลผู้ทุศีล มีธรรมเลวทราม ไม่สะอาด มีความประพฤติที่ตนเองนึกแล้วก็กินแหนงตัวเอง มีการกระทำที่ต้องปกปิดซ่อนเร้น ไม่ใช่สมณะแต่ปฏิญญาว่าเป็นสมณะ ไม่ใช่ผู้ประพฤติพรหมจรรย์แต่ปฏิญญาว่าเป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์ เป็นคนเน่าใน ชุ่มด้วยราคะ หมักหมมเหมือนบ่อที่เทหยากเยื่อ การใช้สอยกุฏิวิหารที่เขาถวายด้วยศรัทธาจะประเสริฐอะไร การที่บุรุษผู้มีกำลังจับคนชูเท้าขึ้น ห้อยศีรษะลงแล้วโยนลงในหม้อเหล็กร้อนที่เผาไฟลุกโชนโชติช่วง เขาถูกไฟลวกเดือดโผล่ขึ้น เป็นฟองในหม้อเหล็กร้อนนั้น บางครั้งก็ลอยขึ้น บางครั้งก็จมลง บางครั้งก็ ลอยขวางยังจะดีเสียกว่า

ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะเขาจะพึงตายหรือทุกข์ปางตายด้วยเหตุที่ถูกโยนลงในหม้อเหล็กร้อนก็จริงอยู่ แต่หลังจากตายแล้ว เขาจะไม่ไปเกิดในอบาย ทุคติ วินิบาต นรก

ส่วนการที่บุคคลผู้ทุศีล มีธรรมเลวทราม ไม่สะอาด ฯลฯ แล้วยังคิดใช้สอยกุฏิวิหารที่เขาถวายมาด้วยศรัทธา ย่อมเป็นไปเพื่อความทุกข์ ไม่เกื้อกูลแก่เขาตลอดกาลนาน และหลังจากตายแล้ว เขายังต้องไปเกิดในอบาย ทุคติ วินิบาต นรกอีก”

อัคคิกขันโธปมสูตร, องฺ.สตฺตก.๒๓/๗๒/๑๖๔.

ก้อนข้าวที่ลุกเป็นไฟ

“ภิกษุทั้งหลาย เธอจักตัดสินความเรื่องนี้อย่างไร ระหว่างการที่บุรุษผู้มีกำลังใช้ตะขอเหล็กร้อนลุกเป็นไฟง้างปาก แล้วใส่ก้อนเหล็กร้อนที่ลุกเป็นไฟเข้าไปในปาก ก้อนเหล็กร้อนนั้นพึงไหม้ริมฝีปากบ้าง ไหม้ปากบ้าง ไหม้ลิ้นบ้าง ไหม้คอบ้าง พาเอาไส้ใหญ่บ้างไส้น้อยบ้างออกทางทวารเบื้องล่างของคนนั้น กับการฉันก้อนข้าวที่เขาถวายด้วยศรัทธา อย่างไหนจะประเสริฐกว่ากัน”

“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ การฉันก้อนข้าวที่เขาถวายด้วยศรัทธานั่นแหละประเสริฐกว่า เพราะการที่บุรุษผู้มีกำลังใช้ตะของ้างปากแล้วใส่ก้อนเหล็กร้อนที่ลุกเป็นไฟเข้าไปในปาก นั่นเป็นความทุกข์ ทนได้ยาก พระพุทธเจ้าข้า”

“ภิกษุทั้งหลาย เราขอเตือนพวกเธอ การที่บุคคลผู้ทุศีล มีธรรมเลวทราม ไม่สะอาด มีความประพฤติที่ตนเองนึกแล้วก็กินแหนงตัวเอง มีการกระทำ ที่ต้องปกปิดซ่อนเร้น ไม่ใช่สมณะแต่ปฏิญญาว่าเป็นสมณะ ไม่ใช่ผู้ประพฤติพรหมจรรย์แต่ปฏิญญาว่าเป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์ เป็นคนเน่าใน ชุ่มด้วยราคะ หมักหมมเหมือนบ่อที่เทหยากเยื่อ ฉันก้อนข้าวที่เขาถวายด้วยศรัทธา จะประเสริฐอะไร การที่บุรุษผู้มีกำลังใช้ตะของ้างปากแล้วใส่ก้อนเหล็กร้อน ที่ลุกเป็นไฟเข้าไปในปากยังจะดีเสียกว่า

ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะเขาจะพึงตายหรือทุกข์ปางตายด้วยเหตุที่ถูก ใส่ก้อนเหล็กร้อนเข้าไปในปากก็จริงอยู่ แต่หลังจากตายแล้ว เขาจะไม่ไปเกิดในอบาย ทุคติ วินิบาต นรก

ส่วนการที่บุคคลผู้ทุศีล มีธรรมเลวทราม ไม่สะอาด ฯลฯ แล้วยังคิดฉันก้อนข้าวที่เขาถวายมาด้วยศรัทธา ย่อมเป็นไปเพื่อความทุกข์ ไม่เกื้อกูลแก่เขาตลอดกาลนาน และหลังจากตายแล้ว เขายังต้องไปเกิดในอบาย ทุคติ วินิบาต นรกอีก”

อัคคิกขันโธปมสูตร, องฺ.สตฺตก.๒๓/๗๒/๑๖๒.

Tuesday, March 10, 2009

จีวรที่ลุกเป็นไฟ

“ภิกษุทั้งหลาย เธอจักตัดสินความเรื่องนี้อย่างไร ระหว่างการที่บุรุษ ผู้มีกำลังเอาแผ่นเหล็กร้อนลุกเป็นไฟมานาบกาย กับการใช้สอยจีวรที่เขา ถวายด้วยศรัทธา อย่างไหนจะประเสริฐกว่ากัน”

“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ การใช้สอยจีวรที่เขาถวายด้วยศรัทธานั่นแหละประเสริฐกว่า เพราะการที่บุรุษผู้มีกำลังเอาแผ่นเหล็กร้อนลุกเป็นไฟมานาบกาย นั่นเป็นความทุกข์ ทนได้ยาก พระพุทธเจ้าข้า”

“ภิกษุทั้งหลาย เราขอเตือนพวกเธอ การที่บุคคลผู้ทุศีล มีธรรมเลวทราม ไม่สะอาด มีความประพฤติที่ตนเองนึกแล้วก็กินแหนงตัวเอง มีการกระทำที่ต้องปกปิดซ่อนเร้น ไม่ใช่สมณะแต่ปฏิญญาว่าเป็นสมณะ ไม่ใช่ผู้ประพฤติพรหมจรรย์แต่ปฏิญญาว่าเป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์ เป็นคนเน่าใน ชุ่มด้วยราคะ หมักหมมเหมือนบ่อที่เทหยากเยื่อ ใช้สอยจีวรที่เขาถวายด้วยศรัทธา จะประเสริฐอะไร การที่บุรุษผู้มีกำลังเอาแผ่นเหล็กร้อนลุกเป็นไฟมานาบกายยังจะดีเสียกว่า

ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะเขาจะพึงตายหรือทุกข์ปางตายด้วยเหตุที่ถูกนาบกายด้วยแผ่นเหล็กร้อนลุกเป็นไฟก็จริงอยู่ แต่หลังจากตายแล้ว เขาจะ ไม่ไปเกิดในอบาย ทุคติ วินิบาต นรก

ส่วนการที่บุคคลผู้ทุศีล มีธรรมเลวทราม ไม่สะอาด ฯลฯ แล้วยังคิด นุ่งห่มจีวรที่เขาถวายมาด้วยศรัทธา ย่อมเป็นไปเพื่อความทุกข์ ไม่เกื้อกูลแก่เขาตลอดกาลนาน และหลังจากตายแล้ว เขายังต้องไปเกิดในอบาย ทุคติ วินิบาต นรกอีก”

อัคคิกขันโธปมสูตร, องฺ.สตฺตก.๒๓/๗๒/๑๖๑.

ว่าด้วยการบริโภคปัจจัย ๔


ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้สันโดษด้วยจีวรพอคุ้มร่างกายและบิณฑบาตพออิ่มท้อง เธอจะไป ณ ที่ใดๆ ก็ไปได้ทันที เหมือนนกมีปีกจะบินไป ณ ที่ใดๆ ก็มีแต่ปีกของตัวเป็นภาระ ภิกษุชื่อว่าเป็นผู้สันโดษอย่างนี้แล

สามัญญผลสูตร, ที.สี. ๙/๒๑๕/๗๓.

Thursday, March 5, 2009

จงอยู่กับปัจจุบัน

ภิกษุทั้งหลาย ไม่เศร้าโศกถึงอดีตที่ล่วงแล้ว ไม่กังวลถึงอนาคตที่ยังมาไม่ถึง กำหนดอยู่กับปัจจุบัน ผิวพรรณของภิกษุนั้นจึงผ่องใส

เพราะกังวลถึงอนาคตที่ยังมาไม่ถึง เศร้าโศกถึงอดีตที่ล่วงไปแล้ว ภิกษุทั้งหลายผู้เขลาจึงซูบซีดเหมือนต้นอ้อสดที่ถูกถอนขึ้น ฉะนั้น
อรัญญสูตร, สํ.ส. ๑๕/๑๐/๑๐.

โรคทางใจของบรรพชิต

ภิกษุทั้งหลาย โรคมี ๒ อย่างคือ โรคทางกาย ๑ โรคทางใจ ๑ ...ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย โรคของบรรพชิต ๔ อย่างนี้ คือ

[๑] ภิกษุในธรรมวินัยนี้เป็นผู้มักมาก มีความร้อนใจอยู่เสมอ ไม่สันโดษด้วยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ คิลานปัจจัยตามมีตามได้

[๒] ภิกษุนั้นเมื่อเป็นผู้มักมาก มีความร้อนใจอยู่เสมอ ไม่สันโดษ ด้วยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ คิลานปัจจัยตามมีตามได้แล้ว ย่อมตั้ง ความปรารถนาลามก เพื่อจะได้ความยกย่องเพื่อให้ได้ลาภสักการะและ ชื่อเสียง

[๓] ภิกษุนั้นวิ่งเต้น ขวนขวาย พยายามเพื่อไม่ให้ผู้อื่นดูหมิ่น เพื่อให้ได้ลาภสักการะและชื่อเสียง

[๔] ภิกษุนั้นเข้าสู่ตระกูลเพื่อให้เขานับถือ นั่งอยู่เพื่อให้เขานับถือ กล่าวธรรมเพื่อให้เขานับถือ กลั้นอุจจาระปัสสาวะอยู่ (ในตระกูล) ก็เพื่อให้ เขานับถือ

ภิกษุทั้งหลาย โรคของบรรพชิตมี ๔ อย่างนี้แล

เพราะเหตุนั้น เธอทั้งหลายพึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า “เราทั้งหลายจักไม่เป็นผู้มักมาก ไม่มีความร้อนใจ สันโดษด้วยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ คิลานปัจจัยตามมีตามได้ เราจักไม่ตั้งความปรารถนาลามกเพื่อจะให้คนอื่นยกย่อง เพื่อให้ได้ลาภสักการะและชื่อเสียง จักไม่วิ่งเต้น ไม่ขวนขวาย ไม่พยายาม เพื่อให้ได้ความยกย่อง เพื่อให้ได้ลาภสักการะและชื่อเสียง เราจักเป็นผู้อดทนต่อความหนาว ความร้อน ความหิวกระหาย ต่อการถูกเหลือบ ยุง ลม แดด และสัตว์เลื้อยคลานทั้งหลายรบกวน ต่อถ้อยคำอันหยาบคายร้ายแรงต่างๆ จักเป็นผู้อดกลั้นต่อเวทนาที่เกิดในร่างกาย อันเป็นทุกข์ กล้าแข็งเผ็ดร้อน ไม่น่ายินดี ไม่น่าพอใจ ซึ่งพรากชีวิตเสียได้”

โรคสูตร, องฺ.จตุกฺก.๒๑/๑๕๗/๒๑๗.