ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ เข้าไปอาศัยในหมู่บ้านหรือ นิคมแห่งใดแห่งหนึ่งอยู่ คหบดีเข้าไปหาภิกษุนั้นแล้ว นิมนต์ฉันในวันรุ่งขึ้น ภิกษุนั้นมีความหวังในอาหารจึงรับนิมนต์ ครั้นราตรีล่วงไปถึงเวลาเช้า เธอครองจีวรถือบาตรเข้าไปสู่เรือนคหบดีหรือบุตรคหบดีผู้นิมนต์ นั่งบน อาสนะที่เขาปูไว้ คหบดีนั้นได้ถวายอาหารให้ภิกษุนั้นอิ่มหนำด้วยของเคี้ยวของฉันที่ประณีตด้วยมือตนเอง จนเธอบอกห้าม
ภิกษุนั้นคิดในใจว่า “ดีจริง คหบดีนี้ถวายอาหารให้เราอิ่มหนำด้วย ของเคี้ยวของฉันที่ประณีตด้วยมือตนเอง ถึงกับเราต้องบอกห้าม” ภิกษุนั้น ยังหวังต่อไปอีกว่า “โอหนอ แม้ในวันต่อ ๆ ไป คหบดีนี้ก็พึงถวายอาหารให้เราอิ่มหนำด้วยของเคี้ยวของฉันที่ประณีตอย่างนี้เถิด” เธอติดในรส ลุ่มหลงในรส สยบอยู่ด้วยความยินดีในรสอาหาร มองไม่เห็นโทษ ไม่มีปัญญาเป็นเครื่องสลัดออก ขณะฉันอาหารอยู่นั้น เธอตรึกในกามบ้าง ตรึกในทางเคียดแค้นบ้าง ตรึกในทางเบียดเบียนบ้าง
ภิกษุทั้งหลาย อาหารที่ถวายแก่ภิกษุเช่นนี้ เราไม่กล่าวว่ามีผลมาก ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะภิกษุเป็นผู้ประมาท หลงมัวเมาอยู่
กุสินารสูตร, องฺ.ติก.๒๐/๑๒๔/๓๗๐.
No comments:
Post a Comment