Friday, January 30, 2009

ช่างบาดลึกถึงใจ


ภิกษุทั้งหลาย ลาภสักการะและเสียงเยินยอ เป็นสิ่งที่ทารุณ แสบเผ็ดหยาบคาย ลาภสักการะและเสียงเยินยอย่อมบาดผิว ครั้นบาดผิวแล้วก็ย่อมบาดหนัง ครั้นบาดหนังแล้วย่อมบาดเนื้อ ครั้นบาดเนื้อแล้วย่อมบาดเอ็น ครั้นบาดเอ็นแล้วย่อมบาดกระดูก ครั้นบาดกระดูกแล้วก็ตั้งจดเยื่อใน กระดูกอยู่

เปรียบเหมือนบุรุษผู้ทรงพลัง นำเอาเชือกมีคมอันหยาบมาพันแข้ง แล้วสีไปสีมา เชือกนั้นย่อมบาดผิว ครั้นบาดผิวแล้วย่อมบาดหนัง ครั้นบาดหนังแล้วย่อมบาดเนื้อ ครั้นบาดเนื้อแล้วย่อมบาดเอ็น ครั้นบาดเอ็นแล้วย่อมบาด กระดูก ครั้นบาดกระดูกแล้ว ย่อมตั้งจดอยู่ที่เยื่อในกระดูก ข้อนี้ฉันใด ลาภสักการะและเสียงเยินยอก็ฉันนั้น ...

ภิกษุทั้งหลาย ลาภสักการะและเสียงเยินยอ เป็นสิ่งที่ทารุณ แสบเผ็ดหยาบคาย เป็นอันตรายต่อการบรรลุธรรมอันเกษมจากโยคะซึ่งไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า เพราะเหตุนั้น เธอทั้งหลายพึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า “เราทั้งหลายจักไม่เยื่อใยในลาภสักการะและเสียงเยินยอที่เกิดขึ้น แม้ลาภสักการะและ เสียงเยินยอที่เกิดขึ้นแล้ว ต้องไม่ครอบงำจิตของเรา” เธอทั้งหลายพึงสำเนียกไว้อย่างนี้แล

รัชชุสูตร, สํ.นิ.๑๖/๑๗๘/๒๘๑.

No comments: