ร่างกายนี้ ประกอบด้วยกระดูกและเอ็น ฉาบทาด้วยหนังและเนื้อ ห่อหุ้มด้วยผิวหนัง เต็มไปด้วยลำไส้ใหญ่ ลำไส้เล็ก อาหารใหม่ อาหารเก่า มีตับ มูตร หัวใจ ปอด ม้าม ไต น้ำมูก น้ำลาย เหงื่อ มันข้น เลือด ไขข้อ ดี เปลวมัน อันปุถุชนผู้เป็นพาล ย่อมไม่เห็นตามความเป็นจริง
อนึ่ง ร่างกายนี้มีของไม่สะอาดไหลออกจากทวารทั้งเก้าทุกเมื่อ คือขี้ตาไหลออกจากตา ขี้หูไหลออกจากรูหู และน้ำมูกไหลออกจากช่องจมูก บางคราวย่อมสำรอกออกจากปาก ดีและเสลดย่อมสำรอกออก เหงื่อและหนองฝีซึมออกจากกายตรงที่เป็นแผล
อนึ่ง อวัยวะเบื้องสูงของกายนี้เป็นโพรง เต็มด้วยมันสมอง คนพาลถูกอวิชชาครอบงำแล้ว ย่อมหลงเข้าใจว่ากายนั้นเป็นของสวยงาม
ก็เมื่อใดร่างกายนั้นตายไป ขึ้นพอง มีสีเขียวคล้ำ ถูกทิ้งไว้ในป่าช้า เมื่อนั้น ญาติทั้งหลายย่อมหมดความอาลัยไยดี สุนัขบ้าน สุนัขจิ้งจอก หมาป่า หมู่หนอน กา แร้ง และสัตว์เหล่าอื่น ย่อมกัดกินกายอันเปื่อยเน่านั้น
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ได้ฟังพุทธพจน์แล้ว เกิดปัญญา ย่อมกำหนดรู้ กายนี้ ย่อมพิจารณาเห็นกายนี้ตามความเป็นจริงทีเดียว ร่างกายที่ยังมีวิญญาณนี้เป็นเหมือนซากศพนั่น ซากศพนั้นก็เคยเป็นเหมือนร่างกายที่ยังมีวิญญาณนี้ ภิกษุพึงคลายความยินดีในกายเสียทั้งภายในและภายนอก
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ มีปัญญา ไม่ยินดีด้วยฉันทราคะ ได้บรรลุนิพพานที่เป็นอมตะ สงบดับไม่จุติ
กายนี้มีสองเท้า ไม่สะอาด มีกลิ่นเหม็น เต็มไปด้วยซากศพต่างๆ ขับถ่ายของไม่สะอาดมีน้ำลายและน้ำมูกเป็นต้นให้ไหลออกจากทวารทั้งเก้า และ ขับเหงื่อไคลให้ไหลออกจากขุมขนนั้นๆ ต้องคอยบำรุงรักษาอยู่เสมอ ผู้ใด พึงสำคัญเพื่อยกย่องตัวหรือพึงดูหมิ่นผู้อื่น จะมีประโยชน์อะไร นอกจากการไม่เห็นอริยสัจ
กายนี้มีสองเท้า ไม่สะอาด มีกลิ่นเหม็น เต็มไปด้วยซากศพต่างๆ ขับถ่ายของไม่สะอาดมีน้ำลายและน้ำมูกเป็นต้นให้ไหลออกจากทวารทั้งเก้า และ ขับเหงื่อไคลให้ไหลออกจากขุมขนนั้นๆ ต้องคอยบำรุงรักษาอยู่เสมอ ผู้ใด พึงสำคัญเพื่อยกย่องตัวหรือพึงดูหมิ่นผู้อื่น จะมีประโยชน์อะไร นอกจากการไม่เห็นอริยสัจ
วิชยสูตร, ขุ.สุ. ๒๕/๑๙๖-๒๐๘/๕๔๖-๕๔๘.
No comments:
Post a Comment