Tuesday, December 30, 2008

นกมูลไถสยบเหยี่ยว

ภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีแล้ว เหยี่ยวโฉบลงจับนกมูลไถโดยรวดเร็ว ขณะนั้น นกมูลไถกำลังถูกเหยี่ยวนำไป ได้คร่ำครวญอย่างนี้ว่า “เราเป็น ผู้อับโชค มีบุญน้อย ที่เที่ยวไปในถิ่นอื่นซึ่งมิใช่ถิ่นหากิน ถ้าวันนี้ เราไปเที่ยวกินในถิ่นหากินที่เป็นของบิดาเราไซร้ เราก็อาจสู้เหยี่ยวตัวนี้ได้”


เหยี่ยวจึงถามว่า “แน่ะเจ้านกมูลไถ ก็ถิ่นหากินที่เป็นของบิดาเจ้าเป็น เช่นไร”
นกมูลไถตอบว่า “ก็ถิ่นที่เป็นก้อนดินที่เขาทำการไถไว้อย่างไรหล่ะ”

ขณะนั้น เหยี่ยวหยิ่งในกำลังของตน เมื่อจะโอ้อวดกำลังของตน จึง ปล่อยนกมูลไถไป พร้อมกับบอกว่า “ไปเถิด เจ้านกมูลไถ ถึงเจ้าจะไปในที่นั้นก็หนีไม่พ้นเราไปได้” ทีนั้นนกมูลไถจึงไปยังที่ ๆ มีก้อนดินซึ่งเขาทำการไถไว้ จับที่ดินก้อนใหญ่ ยืนร้องท้าเหยี่ยวอยู่ว่า “เจ้าเหยี่ยว เจ้าจงมาจับเราเดี๋ยวนี้”


ครั้งนั้น เหยี่ยวหยิ่งในกำลังของตน เมื่อจะอวดอ้างกำลังของตน จึงหุบปีกทั้ง ๒ ลงโฉบนกมูลไถอย่างรวดเร็ว เมื่อนกมูลไถรู้ว่า “เหยี่ยวนี้โฉบลงมาเร็วหมายจะจับเรา” จึงหลบเข้าซอกก้อนดินนั้น เป็นเหตุให้เหยี่ยวอก

กระแทกดิน ตายในที่นั้นเอง

ภิกษุทั้งหลาย เรื่องนกมูลไถเที่ยวไปในถิ่นอื่นซึ่งมิใช่ถิ่นหากิน ย่อมเป็นเช่นนี้แล เพราะเหตุนั้นแหละ เธอทั้งหลายอย่าเที่ยวไปในอารมณ์อื่น อันมิใช่โคจร เพราะมารจักได้ช่อง ได้อารมณ์ ก็อารมณ์อื่นอันมิใช่โคจรของภิกษุคืออะไร คือ กามคุณ ๕ ได้แก่รูป...เสียง...กลิ่น...รส...โผฏฐัพพะ อันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ น่ารัก ชักให้ใคร่ ชวนให้กำหนัด...นี้คือ ถิ่นอื่นที่เป็นอโคจรของภิกษุ

ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงเที่ยวไปถิ่นที่เป็นของบิดาตนอันเป็นโคจร เพราะมารจักไม่ได้ช่อง จักไม่ได้อารมณ์ ก็อารมณ์อันเป็นของบิดาอันเป็นโคจรคืออะไร คือสติปัฏฐาน ๔
สกุณัคฆิสูตร, สํ.ม. ๑๙/๓๗๒/๒๑๗.

No comments: